Butterfly Valve คืออะไร

บัตเตอร์ฟลายวาล์ว (BUTTERFLY VALVE) หรือ วาล์วปีกผีเสื้อ

เป็นวาล์วประเภท ควอเตอร์เทิร์นวาล์ว (Quarter Turn Valve) หรือ หมุนได้ 1/4 ของวงกลม ใช้ทำหน้าที่ เปิด/ปิด 0-90 องศา

บัตเตอร์ฟลายวาล์ว (Butterfly valve) มักเป็นที่นิยมในระบบอุตสาหกรรมหลายๆประเภท ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ในระบบท่อหล่อน้ำเย็นของเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ ในงานประปา ในระบบน้ำดีน้ำเสีย ฯลฯ เนื่องมาจากราคา Butterfly Valve หรือ วาล์วปีกผีเสื้อมีราคาไม่สูงนัก อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับวาล์วประเภทอื่นๆ มีความทนทานและไม่ต้องการการบำรุงรักษามาก ใช้งานง่ายและถูกสร้างมาสำหรับงานประเภทเปิด/ปิดสุด และการใช้งานแบบหรี่ สามารถใช้งานได้ครอบคลุมทั้งของเหลวและก๊าซ รวมถึงน้ำ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมัน จากสัตว์ พืชและแร่ กรดเจือจาง ฯลฯ

เมื่อวาล์วเปิดสุด ตัวลิ้นวาล์วก็จะหมุนไปหนึ่งในสี่ของวงกลม (Quarter-turn) เพื่อจะเปิดทางให้ของของไหลโดยเกือบจะไม่มีการกีดขวาง ตัววาล์วอาจจะถูกเปิดทีละน้อย เพื่อปรับอัตราการไหล วาล์วปีกผีเสื้อนี้ต่างจากวาล์วแบบ Ball Valve ตรงที่ลิ้นวาล์วจะอยู่ในช่องทางการไหลอยู่เสมอ จึงทำให้เกิดการสูญเสียแรงดันในการไหล โดยไม่ว่าวาล์วจะเปิดอยู่ในตำแหน่งไหนก็ตาม วาล์วปีกผีเสื้อถูกใช้กันมากในอุตสาหกรรมเคมี, ระบบน้ำทิ้ง และระบบส่งน้ำ

บัตเตอร์ฟลายวาล์ว หรือ วาล์วปีกผีเสื้อ จะได้รับการออกแบบให้ของไหลไม่ต้องสัมผัสกับชิ้นส่วนโลหะเคลื่อนที่ของวาล์ว โดยบ่าวาล์วจะทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกันหลายประเภท เพื่อใช้งานกับของไหลทุกชนิดวาล์วมีความทนทาน และ ต้องการการบำรุงรักษาน้อยมาก โดยปกติแล้ววาล์วปีกผีเสื้อจะมีขนาดปานกลางจนถึงขนาดใหญ่ และมี Sharp หรือก้านเพลาที่สามารถเชื่อมต่อกับหัวขับ หรือ Actuator เพื่อควบคุมการเปิดปิดของวาล์ว

วาล์วปีกผีเสื้อยังทำให้เกิดแรงกระทบของน้ำที่ลิ้นวาล์ว (Disc of Butterfly Valve) ที่ทำให้เกิดความผันผวนของน้ำน้อยหรือที่เรียกกันว่า เซิร์จ (Surge) รวมไปถึง อัตราการสูญเสียแรงดันหรือการสูญเสียพลังงานของกระแสน้ำต่ำ (Low Head Loss) จึงเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของบัตเตอร์ฟลายวาล์วหรือวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) ที่ทำให้วาล์วประเภทนี้ได้รับความนิยม อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมแรงดันได้อีกด้วย บัตเตอร์ฟลายวาล์วหรือวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) สามารถควมคุมองศาการเปิดได้ ทำให้ไม่ต้องเปิดสุด หรือปิดสุดเท่านั้น

ข้อดีของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)

๐ มีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน
๐ น้ำหนักเบา ติดตั้งไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีปะเก็นยางเพื่อป้องกันการรั่วซึม แต่ใช้เป็นตัว seat แทน
๐ มีขนาด ความกว้างที่น้อยกว่าวาล์วประเภทอื่นทำให้ประหยัดเนื้อที่
๐ มีชิ้นส่วนที่ขยับค่อนข้างน้อย จึงทำให้ต้องการการดูแลบำรุงรักษาน้อย
๐ สามารถควบคุมการไหลของของเหลวได้ดี
๐ สะดวกต่อการติดตั้งระบบควบอัตโนมัติ เช่น ระบบนิวเมติก,ไฮดรอลิค หรือไฟฟ้า
๐ ใช้แรงบิด หรือ torque ต่ำในการเปิดปิดวาล์ว ดังนั้นจึงสามารถใช้หัวขับวาล์ว(actuator)ที่มีขนาดเล็กได้ ทำให้ประหยัดพลังงาน
๐ ลักษณะของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly valve) สามารถเป็นได้ทั้งวาล์วเปิดปิด และวาล์วที่ใช้ในการควบคุม (วาล์วคอนโทรล)
๐ วาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve) มีตัวเลือกของวัสดุค่อนข้างหลากหลาย จึงสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับของเหลวในท่อได้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำดื่ม, สารเคมี, น้ำร้อน, น้ำเย็น ฯลฯ ในขณะที่วาล์วประเภทอื่นอาจจะมีตัวเลือกของวัสดุที่น้อยกว่า

ส่วนประกอบของวาล์วปีกผีเสื้อหรือ (Butterfly Valve)

๐ ลิ้น (disc)
๐ ตัววาล์ว หรือ (body)
๐ หมุด (pin หรือ bolt)
๐ ซีท (seat) ซึ่งจะแบ่งเป็น
o Soft seat หรือ seat ที่มีความยืดหยุ่น เป็นยาง สามารถเลือกได้หลายประเภทตามแต่ความเหมาะสมของของเหลว เช่น ยางที่ใช้กับน้ำดื่มได้ ยางที่ใช้กับสารเคมีได้
o Hard seat หรือ seat แบบแข็ง อาจจะทำจากโลหะ ใช้กับงานที่ต้องใช้แรงดันสูง อุณหภูมิสูง
๐ แกนวาล์ว (spindle)
๐ แบริ่งและซีล (bearing and seals)

แนวของการวางลิ้นของวาล์วปีกผีเสื้อ (Butterfly Valve)

๐ แบบ Concentric คือ center ของเพลา เท่ากับ center ของวาล์ว
๐ แบน Eccentric คือ แกนของเพลาอยู่เยื้องกับ center ของวาล์วไปด้านใดด้านหนึ่ง
๐ Double centric คือ ตำแหน่งของเพลาเยื้องสองแกนคือ เยื้องทั้งแนวตั้งและแนวนอน
๐ Triple centric คือ ตำแหน่งเพลาเยื้องทั้งสองแกน และ seat เป็น seat ที่มีมุมเข้า ลักษณะแบบนี้มีการใช้ในท้องตลาดค่อนข้างน้อย